คำถามที่พบบ่อย

ให้เราช่วยตอบคำถามของคุณเถอะ

ด้านล่างนี้เป็นคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับขั้นตอนตั้งแต่การเตรียมตัวเดินทางมาศึกษาต่อไปจนถึงการใช้ชีวิตในประเทศญี่ปุ่น

เกี่ยวกับการเข้าศึกษา

Q
สามารถเรียนได้ระยะเวลานานเท่าใด?
A
สามารถใช้วีซ่านักเรียนต่างชาติในการเล่าเรียนได้มากสุด 2 ปี
แม้ว่าจะเคยเรียนที่โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นที่อื่นมากแล้ว แต่ถ้ายังอยู่ภายในระยะเวลา 2 ปี ก็สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนของเราได้
Q
เอกสารที่จำเป็นต้องยื่นในตอนเข้าศึกษามีอะไรบ้าง?
A
เอกสารที่จำเป็นต้องยื่นจะแตกต่างกันตามสัญชาติของนักเรียน นอกจากนี้ จำเป็นจะต้องแปลเอกสารเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาญี่ปุ่น
> รายละเอียดเพิ่มเติม
Q
การรับรองค่าใช้จ่ายในตอนขอยื่นวีซ่านักเรียนต่างชาติ ผู้เรียนเป็นผู้รับรองค่าใช้จ่ายได้เองไหม?
A
นักเรียนสามารถรับรองได้ด้วยตัวเอง แต่จะต้องมีประวัติการทำงานในบริษัทหรือประวัติการทำงานอื่นๆ ไม่น้อยกว่า 3 ปี
Q
ผู้ที่จะรับรองค่าใช้จ่ายให้ในตอนที่ยื่นขอวีซ่าจะต้องมีความสัมพันธ์แบบใดกับผู้เรียน?
A
ผู้รับรองจะเป็นเครือญาติทางสายเลือด เช่น พ่อแม่ พี่น้อง ซึ่งจะต้องมีหลักฐานแสดงความสัมพันธ์ เช่น ทะเบียนบ้าน ด้วย
Q
ในการยื่นขอวีซ่านักเรียนต่างชาติมีการจำกัดอายุไหม?
A
ไม่มีการจำกัดอายุเป็นพิเศษ แต่จำเป็นจะต้องมีประวัติการศึกษาตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป
Q
จะยื่นขอรับวีซ่านักศึกษาต่างชาติได้ที่ไหน?
A
สามารถใช้ ""ใบรับรองสถานภาพการพำนัก"" ""ใบตอบรับเข้าเรียน"" เป็นเอกสารประกอบการยื่นขอวีซ่านักศึกษาต่างชาติได้ที่สถานทูตหรือกงสุลญี่ปุ่นประจำประเทศของคุณ
Q
ตั้งแต่ขั้นตอนการสมัครเข้าศึกษาไปจนถึงการประกาศผล จะใช้เวลานานเท่าใด?
A
ใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน ซึ่งระยะเวลาในการปิดรับสมัครของแต่ละภาคเรียนจะอยู่ในช่วงก่อนเริ่มเปิดเรียน 6-7 เดือน (เดือนเมษายน กรกฎาคม ตุลาคม และมกราคม)
ในบางปีอาจไม่ตรงตามที่กำหนดไว้ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อสอบถามโดยตรง"
Q
สามารถเปลี่ยนจาก Working Holiday หรือวีซ่าระยะสั้นเป็นวีซ่านักเรียนต่างชาติได้ไหม?
A
ได้
สำหรับวิธีการสมัคร และอื่นๆ กรุณาติดต่อสอบถามโดยตรง
Q
ในกรณีที่ลาออกกลางคัน มีการคืนเงินค่าเล่าเรียนให้ไหม?
A
กรุณาอ่าน ""นโยบายการคืนเงิน"".

เกี่ยวกับโรงเรียน

Q
ช่วงที่จะเข้าศึกษาได้ มีช่วงใดบ้าง?
A
4 ครั้งต่อปี ได้แก่ ช่วงเดือนเมษายน กรกฎาคม ตุลาคม และมกราคม
Q
นักเรียนส่วนใหญ่เดินทางมาจากประเทศใด?
A
มีนักเรียนกว่า 30 สัญชาติกำลังเรียนในโรงเรียนของเราอยู่ โดยเฉพาะนักเรียนจากทวีปเอเชีย เช่น เวียดนาม จีน เป็นต้น
นักเรียนจะได้รู้จักกับเพื่อนต่างชาติ พร้อมสนุกสนานกับการเรียนไปด้วยกันในทุกๆ วัน
Q
ระยะเวลาในการเรียนนานเท่าใด?
A
คอร์สระยะยาวจะมีตั้งแต่ระยะเวลา 3 เดือน ไปจนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับคอร์ส
Q
หลังจากที่สมัครเข้าเรียนคอร์ส 2 ปีแล้ว แต่ระหว่างนั้นจะตัดสินใจศึกษาต่อ หรือเข้าทำงานได้ไหม?
A
สามารถศึกษาต่อ หรือเข้าทำงานได้ แต่จะไม่ถือว่าสำเร็จหลักสูตร จะถือเพียงว่าจบคอร์สเท่านั้น
Q
หากไม่มีวีซ่านักเรียนต่างชาติ จะสามารถเข้าเรียนได้หรือไม่?
A
สำหรับผู้ที่มีวีซ่าอยู่แล้ว สามารถสมัครเข้าเรียนได้ในคอร์สพิเศษ
Q
จำเป็นต้องไปโรงเรียนทุกวันไหม?
A
ใช่ อัตราการเข้าเรียนในโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งที่ใช้ในการพิจารณาตอนต่ออายุวีซ่า เข้าศึกษาต่อ หรือเข้าทำงาน
อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงในกรณีที่สุขภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวยได้ แต่นักเรียนควรพยายามมาโรงเรียนทุกวัน โดยอัตราการเข้าเรียนไม่ควรน้อยกว่า 80%
Q
มีทุนการศึกษาไหม?
A
มี สำหรับนักเรียนที่เรียนคอร์สนักเรียนต่างชาติเท่านั้น ซึ่งมีทุนสองประเภท ได้แก่ ทุนจากโรงเรียนสอนภาษา SAMU เอง และทุนจากองค์การสนับสนุนนักศึกษาแห่งประเทศญี่ปุ่น (JASSO)
Q
มีห้องสำหรับเรียนด้วยตัวเองไหม?
A
มี ซึ่งในห้องจะมีคอมพิวเตอร์ ปริ้นเตอร์ให้ใช้ มีหนังสือ หนังสือการ์ตูนให้อ่าน และมี Wi-Fi ให้บริการด้วย
Q
สามารถสูบบุหรี่ในโรงเรียนได้ไหม
A
กฎหมายที่ญี่ปุ่นกำหนดไว้ว่าผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปถึงจะสูบบุหรี่ได้ นักเรียนสามารถสูบบุหรี่ในโรงเรียนได้ในสถานที่ทีกำหนดไว้ แต่ขอให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบในการสูบบุหรี่อย่างเคร่งครัด
Q
เดินทางมาโรงเรียนด้วยรถจักรยาน หรือรถจักรยานยนต์ได้ไหม?
A
ได้ โดยสามารถจอดรถจักรยาน หรือรถจักรยานยนต์ได้ในสถานที่ที่กำหนดไว้ ในกรณีนี้ต้องลงทะเบียนก่อน
Q
มีโรงอาหาร หรือห้องครัวไหม?
A
เป็นที่น่าเสียดายที่โรงเรียนของเราไม่มีโรงอาหาร หรือห้องครัว แต่นักเรียนสามารถนำอาหารมาทานได้ที่ห้องนั่งพักผ่อน ซึ่งในห้องนั่งพักผ่อนจะมีเครื่องขายเครื่องดื่มอัตโนมัติ ไมโครเวฟ เครื่องน้ำร้อน ให้บริการ
Q
มีเจ้าหน้าที่ที่พูดภาษาต่างประเทศได้ไหม?
A
คุณไม่จำเป็นต้องกังวลใจในเรื่องการสื่อสาร เนื่องจากโรงเรียนของเรามีเจ้าหน้าที่ที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาเกาหลี ภาษาเวียดนามได้
Q
มีช่วงปิดเทอม หรือวันหยุดยาวไหม?
A
มี โรงเรียนของเรามีช่วงปิดเทอมระหว่างภาคเรียน และยังมีวันหยุดช่วงฤดูร้อน/ฤดูหนาวด้วย
หากทำเรื่องขออนุญาต นักเรียนก็สามารถลากลับประเทศชั่วคราวได้ในช่วงวันหยุดดังกล่าว
Q
ที่ญี่ปุ่นมีเหตุการณ์แผ่นดินไหวเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง จึงรู้สึกกังวลใจ อยากทราบว่าโครงสร้างของอาคารปลอดภัยไหม?
A
อาคาร A ของโรงเรียนถูกสร้างขึ้นหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮะกุ พ.ศ. 2554 จึงมีโครงสร้างที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานความแข็งแรงต่อการต้านทานแรงแผ่นดินไหวที่กำหนดใหม่ล่าสุด
Q
สามารถใช้เก้าอี้รถเข็น หรือรถวีลแชร์ในโรงเรียนได้ไหม?
A
อาคารของโรงเรียนถูกสร้างมาเพื่อรองรับการใช้เก้าอี้รถเข็น หรือรถวีลแชร์ด้วย โดยมีประตูเข้าออก ลิฟต์ ประตูเลื่อนอัตโนมัติติดตั้งไว้ตามจุดต่างๆ
Q
ที่โรงเรียนสอนภาษา SAMU มีกิจกรรมอะไรบ้าง?
A
ทัศนศึกษาลานเล่นสกีและแหล่งออนเซ็น กิจกรรมปิ้งย่างบาร์บีคิว การแข่งขันกีฬา การแข่งขันร้องแพลง เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีคลาสเรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นที่จะจัดขึ้นทุกๆ 3 เดือน
ซึ่งนับเป็นโอกาสที่ดีที่นักเรียนจะได้เรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นผ่านการเรียนแต่งชุดกิโมโน การจัดดอกไม้ การเขียนพู่กัน เป็นต้น
Q
นักเรียนทุกคนจำเป็นต้องเข้าร่วมกิจกรรมไหม?
A
จำเป็นต้องเข้าร่วม เนื่องจากกิจกรรมก็เป็นส่วนหนึ่งของชั่วโมงเรียน หากไม่มีเหตุจำเป็นอะไรเป็นพิเศษ กรุณาเข้าร่วมกิจกรรมทุกครั้ง
ซึ่งเราเชื่อว่ากิจกรรมทุกกิจกรรมจะสร้างความประทับใจให้กับนักเรียนได้อย่างแน่นอน

คลาส

Q
ในแต่ละคลาส มีนักเรียนประมาณกี่คน?
A
มีนักเรียนมากสุด 20 คนต่อ 1 คลาส
Q
ในแต่ละวัน จะเรียนกี่ชั่วโมง (ตั้งแต่กี่โมงถึงกี่โมง)
A
ช่วงเช้า 8.30-11.55 น. และช่วงบ่าย 13.15-16.40 น.
โดยใน 1 วันจะเรียนทั้งหมด 45 นาที x 4 คาบ
หลังจากที่นักเรียนได้รับการตอบรับจากทางโรงเรียนแล้ว จะมีการทดสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นก่อนเข้าเรียนเพื่อแบ่งคลาส ซึ่งนักเรียนจะไม่สามารถเลือกระดับและเวลาในการเรียนได้
นอกจากผู้ที่สมัครเรียนคอร์สพิเศษจะได้รับการพิจารณาเป็นรายกรณีไป
Q
มีคลาสที่เรียนเป็นภาษาอังกฤษไหม?
A
ไม่มี ทุกคลาสจะใช้ภาษาญี่ปุ่นสื่อสารในการสอน
สำหรับคลาสระดับต้น จะใช้รูปภาพเป็นสื่อการเรียนการสอน ซึ่งนักเรียนที่ไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นเลย ก็สามารถทำความเข้าใจกับเนื้อหาในบทเรียนได้
Q
ตอนเข้าเรียนในคลาส จะต้องใช้อะไรบ้าง?
A
หนังสือเรียน สมุดโน้ต เครื่องเขียน พจนานุกรม
Q
หนังสือเรียนที่ใช้ในโรงเรียนมีหนังสืออะไรบ้าง?
A
หากเป็นระดับต้น จะใช้ ""Minna no Nihongo I และ II (ฉบับปรับปรุง)"" ระดับต้น-กลางจะใช้ ""Chukyu e Ikou"" ระดับกลางจะใช้ ""Chukyu wo Manabou"" ระดับกลาง-สูงจะใช้ ""Shin-chukyu Kara Jokyu e no Nihongo"" และระดับสูงจะใช้ ""Theme-Betsu Jokyu de Manabu Nihongo""
Q
มีคลาสสอนอะไรบ้าง?
A
คลาสที่ใช้หนังสือเรียนหลัก โดยจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับไวยากรณ์ ตัวอักษรคันจิ การฟัง การอ่าน บทสนทนา การเรียงความ เป็นต้น สำหรับคลาสสอนตัวอักษรคันจิจะไม่เหมือนคลาสทั่วไป โดยจะแยกตามระดับความรู้ นอกจากนี้หากเป็นคลาสระดับกลางขึ้นไปจะมีคลาสที่สามารถเลือกเรียนเพิ่มเติมได้ เช่น คลาสสอนภาษาญี่ปุ่นผ่านการดูวีดีโอ คลาสฝึกออกเสียง คลาสเสริมสร้างความรู้รอบตัวเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น คลาสติวเพื่อเตรียมตัวสอบ เป็นต้น
Q
มีคลาสสำหรับเตรียมเข้าศึกษาต่อในระดับบัณฑิตวิทยาลัย คลาสภาษาญี่ปุ่นธุรกิจ คลาสฝึกเฉพาะการสนทนา คลาสเรียนตัวต่อตัวไหม?
A
ไม่มีคลาสสำหรับเตรียมเข้าศึกษาต่อในระดับบัณฑิตวิทยาลัย คลาสภาษาญี่ปุ่นธุรกิจ คลาสฝึกเฉพาะการสนทนา หรือคลาสเรียนตัวต่อตัว แต่นักเรียนสามารถเพิ่มพูนทักษะและความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นในภาพรวมได้ในคลาสที่นักเรียนเรียนอยู่
Q
สามารถเลือกเรียนในคลาสที่มีนักเรียนมาจากประเทศเดียวกันเป็นจำนวนมาก/น้อยได้ไหม?
A
ราจะแยกคลาสตามผลคะแนนสอบวัดระดับก่อนเข้าเรียน ซึ่งในแต่ละคลาสอาจมีจำนวนนักเรียนที่มาจากแต่ละประเทศไม่เท่ากัน ทั้งนี้ นักเรียนทุกคนก็คือเพื่อนร่วมห้องเรียนที่มีเป้าหมายในการพัฒนาความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นเหมือนกัน สู้ไปด้วยกัน
Q
คณาจารย์เป็นใครบ้าง?
A
อาจารย์มีตั้งแต่วัย 20 ต้นๆ ไปจนถึงวัย 70 ปลายๆ มีทั้งอาจารย์ที่อายุยังน้อย มีพลังในการสอนเหลือเฟือ อาจารย์ที่ใจดีเสมือนคุณแม่ และอาจารย์ที่เข้มงวดกวดขันนิดๆ ซึ่งนักเรียนไม่สามารถเลือกอาจารย์ได้ แต่คณาจารย์ของโรงเรียนเราแต่ละคนเป็นอาจารย์ที่มีใบอนุญาตในการสอนภาษาญี่ปุ่น และมีความเชี่ยวชาญทางด้านการสอนภาษา
Q
มีการทดสอบไหม
A
มีการสอบปลายภาค 4 ครั้งต่อปี (ปลายเทอม) ซึ่งอาจจะมีการเลื่อนระดับชั้นเรียนจากผลคะแนนสอบ
นอกจากนี้ยังมีการสอบวัดระดับปีละ 2 ครั้ง ซึ่งนักเรียนสามารถทราบระดับความรู้และความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นของตนเองได้
Q
นักเรียนจะเรียนเพิ่มเติมนอกเหนือจากในชั่วโมงเรียนได้อย่างไรบ้าง?
A
เนื่องจากมีเวลาจำกัดในการเรียนรู้ในห้องเรียน ทางโรงเรียนของเราจึงมีการบ้านให้นักเรียนทำเป็นประจำ และหวังว่านักเรียนทุกคนจะทบทวนสิ่งที่เรียนมาอย่างละเอียด
การใช้ภาษาญี่ปุ่นในชีวิตประจำวันให้มากที่สุดก็เป็นวิธีการเรียนรู้ที่ดีอีกวิธีหนึ่ง
Q
ถ้าไม่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมาเลย จะสามารถเข้าเรียนได้ไหม?
A
ข้าเรียนได้ ทางโรงเรียนมีคลาสที่สอนตั้งแต่ตัวอักษรฮิรางานะและตัวอักษรคาตากานะ ซึ่งแต่ละคลาสจะใช้ความรู้และความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับสัญชาติ หรือคอร์สที่นักเรียนต้องการเรียน
Q
การเรียนในระดับต้นจะใช้เวลานานเท่าใด?
A
ประมาณ 8-9 เดือน
ในการสอนตั้งแต่ระดับต้น ทางโรงเรียนของเราจะไม่ใช้แค่เพียงหนังสือเรียนเพียงอย่างเดียว แต่จะมีคลาสฝึกการฟัง การอ่าน การสนทนา การเขียนเรียงความ การฝึกเขียนตัวอักษรคันจิด้วย ซึ่งจะเพิ่มความรู้และความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นในทุกมิติของนักเรียน
Q
สามารถเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงได้ไหม?
A
การที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับระดับภาษาญี่ปุ่นในตอนที่สมัครเข้าศึกษาต่อ รวมถึงความพยายามระหว่างเรียนอยู่ที่โรงเรียนสอนภาษา อย่างไรก็ตาม โรงเรียนสอนภาษา SAMU มีโปรแกรมแนะแนวการเข้าศึกษาต่อที่ครบวงจร ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้นักเรียนสามารถสอบเข้าไปเรียนยังมหาวิทยาลัยที่ตั้งใจไว้ได้
Q
ในตอนที่เรียนจบ ระดับภาษาญี่ปุ่นจะถึงขั้นใด?
A
ขึ้นอยู่กับระดับภาษาญี่ปุ่นตอนที่เริ่มเข้าเรียนใหม่ๆ ในกรณีที่เริ่มเรียนจากสภาพที่ไม่มีพื้นฐานเลย เรียนเป็นระยะเวลา 2 ปี ตอนเรียนจบคอร์สก็จะอยู่ที่ระดับ N2
Q
ฉันค่อนข้างถนัดและคุ้นชินกับตัวอักษรคันจิ ถ้าฉันจะเลือกเรียนคลาสสอนตัวอักษรคันจิในระดับสูงได้ไหม?
A
ได้ ซึ่งคลาสเรียนตัวอักษรคันจิจะแตกต่างจากคลาสทั่วไป โดยจะแบ่งตามระดับความสามารถเช่นกัน
สำหรับนักเรียนที่ในประเทศของตนเองมีการใช้ตัวอักษรคันจิมักจะเรียนอยู่ในคลาสที่มีระดับสูงกว่า
Q
ถ้าจะเรียนเพื่อเตรียมสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาญี่ปุ่น (JLPT) และการสอบเพื่อศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่น (EJU) ได้ไหม?
A
หลักสูตรของเราเป็นหลักสูตรที่สามารถเรียนแล้วนำความรู้ที่ได้ไปใช้สอบในการสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นหรือ JLPT ได้
และนักเรียนยังสามารถเลือกคลาสสำหรับติวข้อสอบโดยเฉพาะได้ด้วย

การเข้าศึกษาต่อ/การเข้าทำงาน

Q
นักเรียนที่เรียบจบหลักสูตรแล้ว มีเส้นทางต่อไปอย่างไรบ้าง?
A
มีนักเรียนประมาณ 80% ที่เข้าศึกษาต่อ โดยเข้าศึกษาต่อในระดับบัณฑิตปริญญา 10% มหาวิทยาลัย 20% วิทยาลัยวิชาชีพ 60% ส่วนที่เหลืออีก 10 จะเข้าทำงาน และอีก 10% จะเปลี่ยนประเภทของวีซ่า หรือเดินทางกลับประเทศ
> ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
Q
เงื่อนไขในการเข้าศึกษาต่อในประเทศญี่ปุ่นมีอะไรบ้าง?
A
จำเป็นต้องผ่านการศึกษาเล่าเรียนในประเทศของตนเองเป็นเวลา 12 ปี ในกรณีที่ระบบการศึกษาในประเทศของคุณไม่ถึง 12 ปี กรุณาขอรับคำปรึกษาเป็นรายบุคคล
Q
นักเรียนสามารถเข้ารับการแนะแนวการศึกษาต่อได้ไหม?
A
ที่โรงเรียนสอนภาษา SAMU มีการจัดการแนะแนวการเข้าศึกษาต่ออย่างละเอียด ซึ่งมีทั้งโปรแกรมแนะแนวการเข้าศึกษาต่อ และการให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคลโดยอาจารย์ประจำชั้น
> ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
Q
ฉันอยากเข้าทำงาน ทางโรงเรียนมีการแนะนำบริษัทหรือหน่วยงานบ้างไหม?
A
Bridge Academy ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ จะเป็นผู้ดำเนินการจัดแฟร์หรือจัดเวทีให้บริษัทต่างๆ มาออกบูธแนะนำบริษัทของตนเอง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จะสมัครงานจำเป็นต้องสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในประเทศของตนเอง มีความรู้เฉพาะทาง และมีประสบการณ์การทำงานมาก่อน
> ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
Q
ค่าเล่าเรียนในสถานศึกษา (ต่อปี) ประมาณเท่าไร?
A
มหาวิทยาลัยรัฐบาล ประมาณ 8 แสนเยน มหาวิทยาลัยเอกชน (สายศิลป์) 1.1-1.6 ล้านเยน มหาวิทยาลัยเอกชน (สายวิทย์) 1.3-1.4 ล้านเยน วิทยาลัยวิชาชีพ 7 แสน-1.3 ล้านเยน

การใช้ชีวิตประจำวัน

Q
ที่โรงเรียนมีหอพักไหม?
A
ทางโรงเรียนไม่มีหอพักนักเรียน แต่มีหอพักของหน่วยงานพันธมิตรที่สามารถแนะนำให้ได้ ซึ่งจะเป็นหอพักที่มีเฟอร์นิเจอร์ และของใช้ในครัวเรือนให้พร้อม ค่าเช่าอยู่ที่ประมาณ 1.5 แสนเยน (ต่อ 3 เดือน) นักเรียนสามารถเข้าอาศัยอยู่ได้เลยทันที เดินจากโรงเรียน 7 นาที
Q
ที่ตั้งของโรงเรียนอยู่ที่ใด?
A
โรงเรียนของเราตั้งอยู่ในเขตชินจูกุ สามารถเดินจากสถานีที่อยู่ใกล้ที่สุดเพียง 3 นาที อยู่ในย่านธุรกิจและแหล่งช้อปปิ้ง ใกล้กับศาลาว่าการกรุงโตเกียว เรียกได้ว่าเป็นย่านที่มีความคึกคักยานหนึ่งเลยทีเดียว ใกล้ๆ โรงเรียนมีร้านสะดวกซื้อ ร้านหนังสือ ร้านอาหารมากมาย สะดวกสบายมาก
Q
ค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิตใน 1 เดือนเฉลี่ยแล้วประมาณเท่าไร?
A
ประมาณ 1 แสนเยน รวมค่าเช่าห้องพัก
Q
หลังจากเดินทางเข้ามาประเทศญี่ปุ่นแล้ว จะต้องทำอะไรในขั้นต่อไป?
A
จะต้องดำเนินการขึ้นทะเบียนการพำนักอาศัยที่ที่ว่าการอำเภอหรือที่ว่าการเขตที่นักเรียนอาศัยอยู่ และสมัครประกันสุขภาพแห่งชาติ
Q
หลังจากเข้าเรียนในโรงเรียนแล้ว สามารถเริ่มทำงานพิเศษได้เลยทันทีหรือไม่?
A
ได้ สามารถเริ่มได้เลย ในกรณีที่นักเรียนถือวีซ่านักเรียนต่างชาติ จะต้องมี ""ใบขออนุญาตทำกิจกรรมพิเศษนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในวีซ่า"" ซึ่งอนุญาตให้นักเรียนสามารถทำงานพิเศษได้สัปดาห์ละ 28 ชั่วโมง
นักเรียนส่วนมากมักจะทำงานพิเศษในร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ บริษัทขนส่ง เป็นต้น
ซึ่งนักเรียนสามารถรับการแนะนำงานพิเศษได้จาก Bridge Academy ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ
Q
ใช้ส่วนลดนักเรียนได้ไหม?
A
นักเรียนจะได้รับส่วนลดในการใช้บริการเฉพาะรถไฟใต้ดินโทเอ รถบัสโทเอ รถไฟโทเด็น หรือซื้อตั๋วเดือน เพื่อเดินทางมาโรงเรียน นอกจากนี้ยังได้รับส่วนลดนักเรียน หากใช้บริการโรงภาพยนตร์ส่วนใหญ่ ฟิตเนส คาราโอเกะ เป็นต้น
Q
หากป่วย จะทำอย่างไร?
A
ทางโรงเรียนจะแนะนำโรงพยาบาลให้ โรงพยาบาลที่มีเจ้าหน้าที่ที่สามารถพูดภาษาที่ใช้ในประเทศของนักเรียนได้ก็มี หากนักเรียนมีประกันสุขภาพแห่งชาติของญี่ปุ่น หรือประกันสำหรับนักเรียนต่างชาติ จะได้รับเงินค่ารักษาพยาบาลคืนทั้งหมด ยกเว้นค่าธรรมเนียมต่างๆ นอกจากนี้ในกรณีที่ได้รับอุบัติเหตุ หรือต้องเข้าโรงพยาบาล โดยที่ค่ารักษาพยาบาลเกินกว่าจำนวนเงินที่กำหนด ก็จะได้รับสิทธิให้จ่ายไม่เกินจำนวนเงินสูงสุดตามระเบียบและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ทำให้นักเรียนสามารถสบายใจในเรื่องค่าใช้จ่ายได้
Q
หากมีใบขับขี่สากล สามารถขับรถได้ในประเทศญี่ปุ่นหรือไม่?
A
ไม่สามารถ แม้จะมีใบขับขี่สากล ก็ไม่สามารถใช้ในประเทศญี่ปุ่นได้ จะต้องนำมาเปลี่ยนเป็นใบขับขี่ญี่ปุ่นก่อน สำหรับขั้นตอนในการเปลี่ยน จะแตกต่างกันตามสัญชาติ กรุณาสอบถามเพิ่มเติม
Q
ใกล้ๆ โรงเรียนมีสนามกีฬา ห้องสมุด สวนสาธารณะ บ้างไหม?
A
มี
สำหรับรายละเอียด กรุณาดูจากเว็บไซต์ภาษาอังกฤษหัวข้อ ""การพักอาศัยในประเทศญี่ปุ่น""
Q
สามารถเปิดบัญชีธนาคารได้ไหม?
A
โดยทั่วไป จะไม่สามารถเปิดบัญชีธนาคารได้ หากระยะเวลาพำนักอาศัยในประเทศญี่ปุ่นไม่ถึง 6 เดือน กรุณาติดต่อสอบถามเพิ่มเติม หากมีเหตุผลความจำเป็นส่วนตัวอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม สามารถเปิดบัญชีธนาคารของที่ทำการไปรษณีย์ญี่ปุ่นได้
Q
สามารถหาซื้ออาหารฮาลาลได้ไหม?
A
สามารถหาซื้อได้ ใกล้ๆ โรงเรียนมีร้านขายอาหารนานาชาติมากมาย และยังมีร้านที่ขายอาหารฮาลาลโดยเฉพาะอีกด้วย
Q
ในระหว่างการศึกษาในประเทศญี่ปุ่น สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ได้หรือไม่?
A
หากตรงกับช่วงที่มีชั่วโมงเรียน ก็ไม่สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ แต่หากเป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ วันหยุดยาว ก็แล้วแต่นักเรียนจะสะดวก
ในกรณีที่จะกลับประเทศชั่วคราว หรือเดินทางไปประเทศอื่นนอกจากประเทศญี่ปุ่น กรุณารับ ""ใบอนุญาตให้กลับเข้ามาในราชอาณาจักรอีก (Re-entry Permit)"" จากทางโรงเรียน
สำหรับรายละเอียดอื่นๆ กรุณาดูจากเว็บไซต์ภาษาอังกฤษหัวข้อ ""การพักอาศัยในประเทศญี่ปุ่น""